Gimme-eng

คุณเกรซลิลลี่ CMO สถาบัน Gimme Eng ได้รับรางวัล CEO THAILAND AWARDS 2022 

JIRADECHWORACHOT (เกรซลิลลี่ จิระเดชวรโชติ) สามารถได้รับเลือกให้รับรางวัลตำแหน่ง CEO THAILAND AWARDS 2022 จากสถาบันการศึกษา Gimme-Eng และธุรกิจในเครือ

   สถาบันที่มีการการันตีผลคะแนนในแต่ละวิชา ถ้าน้องๆที่อยู่ภายใต้การดูแล คะแนนไม่ถึงตามเป้าที่ตั้งไว้ เช่น IELTS overall 7.0+, SAT overall 1,200+ หรือวิชาอื่นๆที่เพื่อใช้ยื่น ป.ตรี หรือ ป.โท ทั้งไทยและต่างประเทศ ทางสถาบันให้เรียนซ้ำฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น เพื่อเป็นการการันตีว่าถ้าให้ทางสถาบันดูแล จะต้องได้คะแนนตามเป้า
Gimme-eng
มารู้จักกับคุณ Gracelynly Jiradechworachot (เกรซลิลลี่ จิระเดชวรโชติ) นักธุรกิจสาวสวยชื่อเก๋มากความสามารถ ที่เพิ่งคว้ารางวัล CEO THAILAND AWARDS 2022 ในฐานะ CMO สถาบัน Gimme Eng และธุรกิจในเครือ

มารู้จักกับคุณ Gracelynly Jiradechworachot (เกรซลิลลี่ จิระเดชวรโชติ) นักธุรกิจสาวสวยชื่อเก๋มากความสามารถ ที่เพิ่งคว้ารางวัล CEO THAILAND AWARDS 2022 ในฐานะ CMO สถาบัน Gimme- Eng และธุรกิจในเครือ

ที่มาของชื่อเกรซลิลลี่ มาจากคุณแม่เรียกว่า “เกรซ” และ คุณพ่อเรียกว่า “ลิลลี่” ค่ะ แต่เรียกอะไรก็ได้ค่ะใน 3 พยางค์นี้ค่ะ


ตั้งแต่เด็กจนโตเป็นทั้งเด็กที่มีผลการเรียนดีมากๆและเป็นเด็กกิจกรรมอีกด้วย พอช่วงเข้ามหาวิทยาลัยก็ได้รับทุนการศึกษาของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เป็นทุนเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา มหาราชา

สิ่งสำคัญที่ทำให้คุณเกรซกลายมาเป็นนักธุรกิจสาวที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย


อะไรที่ทำให้คุณเกรซกลายมาเป็นนักธุรกิจสาวที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย?

สำหรับความคิดคุณเกรซ คิดว่าอาจจะเป็นเพราะเรามีโอกาสได้เริ่มทำอะไรก่อนคนที่อายุรุ่นเดียวกัน

       คือช่วงตอนเรียนอยู่ปี2 ได้มีโอกาสเป็นพิธีกรรายการของช่องทรู, ถ่ายโฆษณาและทำงานด้านวงการบันเทิงมาบ้างค่ะ มันเลยทำให้ได้มีความคิดหลายๆอย่างออกจากกรอบเดิมๆ ก็คือนอกจากการตั้งใจเรียนแล้ว ประสบการณ์ชีวิตก็สำคัญพอๆกัน

        เพราะช่วงที่ทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย ทำให้เวลาเข้าเรียนไม่ครบตามกำหนด หลายๆวิชาจึงหมดสิทธิ์สอบค่ะเพราะขาดบ่อยมากช่วงนั้นเพราะต้องออกกอง ตอนนั้นจึงตัดสินใจดรอปเรียนไว้ก่อนเพื่อทำงาน เพราะคิดว่าโอกาสมันไม่ได้มากันง่ายๆสำหรับทุกคน

         หลังจากที่ดรอปเรียน ทำงานเต็มที่ประมาณ 1 ปี แล้วกลับมาเรียน มันทำให้มุมมองการเรียนเปลี่ยนไปค่ะ ปกติเราจะเครียดมากๆกับเกรดที่ออกมา กลัวได้เกรดไม่ดี แบบพอเกรดต่ำกว่าเทอมที่แล้วก็จะเครียดมากๆ 

           แต่พอเรามีประสบการณ์การๆทำงาน มาบ้างแล้ว ทำให้เรากลับมีความคิดว่า ชีวิตมันมีอะไรมากกว่าเกรดที่จบมานะคะ จึงเป็นจุดเริ่มต้นทำให้เรามีความคิดนอกกรอบและการใช้ชีวิตเปลี่ยนไปค่ะ 

        แล้วพอช่วงเราใกล้เรียนจบ คุณพ่อป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายที่ลำไส้ใหญ่ ซึ่งคุณพ่อเองเป็นเสาหลักของครอบครัวคนเดียว พอคุณพ่อล้มป่วย เราที่เป็นพี่สาวคนโตจะต้องแบกรับหน้าที่ทุกอย่างในบ้านแทนคุณพ่อทั้งค่าใช้จ่ายที่บ้านจนกระทั่งค่าเทอมน้องอีก 2 คน 

        ถามว่าเครียดไหม? ช่วงนั้นเครียดมากๆค่ะ ถึงเราจะเคยทำงานมาบ้าง แต่ตอนนั้นคือสถานการณ์มันบีบให้เราต้องเป็นเสาหลักของครอบครัวทั้งๆที่เรายังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ

      เราก็ดิ้นรนทุกอย่างเลยค่ะ กลับไปทำงานในวงการบ้าง ถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา และโชคดีคือเราได้ไปแข่งแล้วได้ตำแหน่ง Miss Kitty 2017 ซึ่งได้รับเงินรางวัลจำนวน 1 ล้านบาทจึงนำเงินตรงนั้นมาใช้เพื่อคุณพ่อและครอบครัวค่ะ

จุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณเกรซหันมาเริ่มทำธุรกิจของตัวเอง คือ หลังจากที่คุณพ่อคีโมและอาการดีขึ้นจากโรคมะเร็ง เราก็เหลือเงินเก็บอยู่ก้อนนึง และเรามีความคิดว่า อยากทำอะไรสักอย่างที่เป็นของตัวเราเอง

ก็เลยเริ่มทำแบรนด์ skincare ออกมา ตัวแรกเป็นสบู่มาส์กข้าวจากประเทศญี่ปุ่น บินไปเลือกวัตถุดิบที่ญี่ปุ่นด้วยตัวเองเลย ผลตอบรับดีมากๆ เพราะเกรชเป็นคนดูแลและให้คำปรึกษาลูกค้าด้วยตนเอง ลูกค้าประจำเราจะเยอะมากๆค่ะ

       ต่อมาเราได้มีโอกาสนำแบรนด์ของเราไปแสดงในงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ความงามที่ Guangzhou ประเทศจีน เราจึงได้ connection และมีโอกาสได้จดใบคุ้มครองแบรนด์และบริษัทที่จีนที่ถูกต้องตามกฎหมายค่ะ

      หลังจากนั้นพอกลับมาไทย ได้มีโอกาสนำแบรนด์ไปจำหน่ายตามคลินิกและโรงพยาบาล และนำสินค้าไปลงตามแหล่งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เช่น ห้วยขวางและภูเก็ตเป็นต้นค่ะ ที่สำคัญมีหลายๆคนที่เรารู้จักเป็น influencer ช่วยกันโปรโมทแบรนด์เราอีกทางด้วย

       และต่อมาได้มีโอกาสนำแบรนด์ไปขายที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่า, กัมพูชา, เวียดนาม ฯลฯ จึงทำให้เรามี connection กับทางอาเซียนเพิ่มขึ้น

       สำหรับลูกค้าในแถบอาเซียนเค้าค่อนข้างชอบผลิตภัณฑ์จากประเทศไทยอยู่แล้ว จึงมีหลายๆคนติดต่อเข้ามาให้เป็นตัวกลางในการประสานงานที่จะทำผลิตภัณฑ์ที่มาจากฐานผลิตที่ไทย รวมถึงแบบ one stop service และดูแลการตลาดให้

สำหรับจุดขายที่ทำให้ลูกค้าในต่างประเทศสนใจมาให้ทางคุณเกรซดูแลส่วนตรงนี้ให้

คือ นอกจากการทำการตลาด การใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิตแล้ว เกรซ มองว่าความลับของลูกค้าเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆค่ะ หลายๆเจ้าที่ทำการตลาดมักจะนำผลงานของแบรนด์ต่างๆที่ตัวเองทำให้ มาเป็นจุดขายเพื่อต่อยอด แต่สำหรับตัวเกรซเอง เกรซมองมุมมองของลูกค้า เวลาเค้าขายดี แบรนด์เค้าดัง เค้าคงไม่อยากให้คู่แข่งหรือใครรู้หรอกใช่ไหมคะว่ากลยุทธ์ที่เค้าทำคืออะไร หรือเค้าจ้างใครในการทำการตลาดให้ 

       ตรงนี้ก็จะเป็น word of mouth และเกิด Brand loyalty ขึ้นมาเองค่ะ เพราะเกรซเองรับดูแลลูกค้าจำกัดเช่นกันค่ะ เพราะมีอีกหลายงานที่ทำอยู่ด้วย

นอกจากตรงนี้แล้วยังมีธุรกิจอื่นเพิ่มเติม อย่างธุรกิจการศึกษา Gimme-Eng ซึ่งได้รับการตอบรับค่อนข้างดีเช่นกัน


สำหรับที่มาที่ไปของการมาทำธุรกิจการศึกษา Gimme Eng
มีพี่ที่รู้จักคนนึง ซึ่งก็คือ พี่แฮม Gimme Eng ที่ทุกคนรู้จักกัน ซึ่งพี่เค้าจบโดยตรงและมีประสบการณ์สอนภาษามาตั้งแต่ปี 2010 
และพอพี่แฮม จบ ป.โทจากอังกฤษมา ก็อยากนำความรู้และประสบการณ์ที่มี รวมถึง Thesis ที่ทำเกี่ยวกับการพัฒนาการศึกษาเด็ก South East Asia กลับมาใช้ประโยชน์ตาม Thesis ที่เคยทำไว้ ก็ได้มาปรึกษากัน เนื่องจากพี่แฮมก็อยากนำความรู้และประสบการณ์ตรงนี้มาต่อยอดเพื่อเป็นประโยชน์ต่อน้องๆในรุ่นต่อๆไปค่ะ

จึงเกิดเป็นสถาบัน Gimme Eng ในปัจจุบันนี้ค่ะ

พี่แฮม Gimme-eng

จุดเด่นของ Gimme English :

เป็นหลักสูตรการันตีผลในแต่ละวิชาค่ะ เช่น IELTS การันตี Overall 7.0 ขึ้นไป, SAT การันตี 1,200 ขึ้นไป, GED การันตีวิชาละ 165ขึ้นไป, TOEIC การันตีที่ 800 ขึ้นไป เป็นต้นค่ะ และมีอีกหลายๆวิชาที่การันตีคะแนนเช่น TOEFL, CU-TEP, CU-AAT, TU-GET, GSAT และวิชาอื่นๆอีกมากมาย

Facebook Comments Box
Tags: No tags

Comments are closed.